ค้นหา
  
Search Engine Optimization Services (SEO)

จอห์นนี เดปป์

เอ็ดเวิร์ด มือกรรไกร ใน Edward Scissorhands กัปตันแจ็ค สแปร์โรว์ ใน Pirates of the Caribbean เจ เอ็ม แบร์รี ใน Finding Neverland วิลลี วองกา ใน Charlie and the Chocolate Factory

1991 Edward Scissorhands 1994 Benny & Joon 1995 Ed Wood 2004 Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl 2006 Charlie and the Chocolate Factory 2007 Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest 2010 The Tourist และ Alice in Wonderlandเข้าชิง - นักแสดงนำชาย หนังดรามา 2005 Finding Neverlandได้รับรางวัล - นักแสดงนำชาย หนังตลก/เพลง

จอห์นนี คริสโตเฟอร์ เดปป์ ที่ 2 (อังกฤษ: John Christopher Depp II) (9 มิถุนายน ค.ศ. 1963) นักแสดงชาวอเมริกัน ส่วนมากเป็นที่รู้จักในบทแจ็ก สแปร์โรว์ในภาพยนตร์ซีรีส์เรื่อง Pirates of the Caribbean , บทแมด แฮทเทอร์ในภาพยนตร์เรื่อง Alice in Wonderland และ บทวิลลี่ วองก้าในภาพยนตร์เรื่อง Charlie and the Chocolate Factory นอกจากนั้นยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ถึง 3 ครั้ง และนิตยสาร People (magazine) ยังคัดเลือกให้เป็น ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่ ประจำปี 2003 และ 2009 อีกด้วย

จอห์นนี เดปป์ เกิดที่เมืองโอเวนสโบโร รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา มีเชื้อสายเยอรมัน อินเดียนแดง เชอโรกี ไอริช ไอริชเหนือ สกอตติช เวลช์ ฝรั่งเศส ดัตช์ เบลเยียม เยอรมัน แอฟริกา และจอห์นนี่ เดปป์ยังมีเชื้อสายของ Elizabeth Key Grinstead ซึ่งเป็นชาวแอฟริกาคนแรกที่เรียกร้องสิทธิเสรีภาพของตัวเองและถูกปลดจากการเป็นทาสของคนขาวได้ นอกจากนั้น ถ้าหากนับตระกูลของจอห์นนี่ เดปป์ขึ้นไปอีก 19 รุ่นจะพบว่าเขาสืบทอดเชื้อสายมาจาก Margaret Percy และ เซอร์ William Gascoigne ซึ่งมากาเร็ตเป็นลูกสาวของเอิร์ลแห่ง Northumberland ที่ 3 และสืบเชื้อสายโดยตรงมาจากพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 3 แห่งอังกฤษ นั่นหมายถึงว่าเขามีทวดคนเดียวกันกับสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร

จอห์นนี่ เดปป์ เกิดเมื่อเวลา 8.44 น. วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2506 ในเมืองโอเว่นส์โบโร่ รัฐเคนทักกี สหรัฐอเมริกา เป็นลูกชายคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 4 คนของ จอห์น คริสโตเฟอร์ เดปป์ ซีเนียร์ ซึ่งเป็นวิศวกรโยธา และ เบตตี้ ซู ปาล์มเมอร์ (นามสกุลเดิม เวลส์) ซึ่งมีอาชีพเป็นบริกรหญิง

จอห์นนี่ เดปป์มีความพิการติดตัวมาตั้งแต่เกิด นั่นคือดวงตาข้างซ้ายของเขาเบลอจนมองอะไรไม่เห็นตั้งแต่เกิด แทบจะเรียกได้ว่าบอดสนิท แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตของเขา ในวัยเด็ก เขาเป็นเด็กที่หลงใหลในการไล่จับแมลง วิ่งเล่นในไร่ยาสูบและชอบฟังนิทานจาก Paw Paw ซึ่งเป็นปู่ของเขา จนกระทั่งปู่ของเขาเสียชีวิตในตอนที่เขาอายุได้เพียง 7 ขวบ หลังจากนั้นครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายไปที่เมือง Miramar รัฐ Florida และจอห์นนี่ก็ได้เข้าเรียนที่โรงเรียน Miramar High School ครอบครัวเขาก็ต้องอาศัยอยู่ในโมเทลจนกระทั่งพ่อของเขาหางานที่มั่นคงได้นั่นคือเป็นหัวหน้าวิศวกรประจำเมือง แต่ครอบครัวเขาก็ยังคงต้องย้ายบ้านอยู่บ่อย ๆ โดยที่เขาเองก็ไม่ทราบสาเหตุ

การย้ายบ้านบ่อย ๆ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาเริ่มเป็นเด็กที่มีพฤติกรรมแปลก ๆ เพราะความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิต จอห์นนี่ใช้ชีวิตวัยเด็กอย่างโลดโผน เขามีเรื่องชกต่อยกับเด็กคนอื่น ๆ อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงวีรกรรมที่ร่วมกันกับเพื่อนขุดอุโมงค์จากห้องนอนตัวเองมาเชื่อมกับสวนในบ้าน หรือแม้กระทั่งการอมน้ำมันไว้และพ่นไฟจนลุกไหม้บนหน้าตัวเองแต่โชคดีที่เพื่อน ๆ ของเขาช่วยกันดับไว้ทัน

แต่กิจกรรมโปรดของเขานอกจากเล่นผาดโผนก็คือการช่วยแม่ที่เป็นบริกรคิดเงินที่เคาธ์เตอร์ถึงแม้จะยังเป็นเด็กตัวเล็กและต้องนั่งตักแม่อยู่ตลอดเวลา และเมื่อถึงเวลาที่มีซีรีส์เรื่องโปรดฉายทางโทรทัศน์เขาก็จะรีบวิ่งกลับบ้านไปดูในทันที

ชีวิตของเขาในวัยเด็กเป็นชีวิตที่ไม่ได้มีเหตุการณ์สำคัญให้จดจำนัก จนกระทั่งพ่อและแม่ของเขาหย่าร้างกันในตอนที่เขาอายุ 15 ปี หลังจากนั้นไม่กี่ปีแม่ของเขาก็แต่งงานใหม่กับ โรเบิร์ต ปาล์มเมอร์

เนื่องจากที่ลุงของเขาเป็นบาทหลวง ทำให้จอห์นนี่มีโอกาสเข้าโบสถ์อยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้มีความศรัทธาในพระเจ้ามากนัก แต่สิ่งที่ทำให้เขาสนใจก็คือวงดนตรีที่เล่นในโบสถ์ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจในดนตรี จนกระทั่งในตอนที่เขาอายุ 12 ขวบ จอห์นนี่ได้รับของขวัญเป็นกีต้าร์มือสองที่ซื้อต่อจากญาติของเขาในราคา 25 เหรียญ เขาเริ่มตั้งวงของตัวเอง วงดนตรีวงแรกของจอห์นนี่ชื่อว่า เฟลม ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ทุ่มเทเวลาทั้งหมดไปกับการเล่นดนตรี รับจ้างเล่นดนตรีตามผับถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะยังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าผับได้ และยังทดลองเสพยาเสพติดแทบทุกชนิด จนไม่สนใจการเรียน

จนกระทั่งอายุ 15 ปี จอห์นนี่ตัดสินใจที่จะกลับมาตั้งใจเรียนอีกครั้ง แต่พ่อแม่ของเขาก็หย่าร้างกัน ทำให้แม่ของเขาเป็นโรคซึมเศร้า ประกอบกับที่ครูที่โรงเรียนแนะนำให้เขากลับไปใช้ชีวิตตามความฝันที่อยากเป็นนักดนตรี จอห์นนี่จึงลาออกจากโรงเรียนและตัดสินใจตั้งวงดนตรีวงใหม่โดยใช้ชื่อว่าวง The Kids ประกอบกับการทำงานในปั๊มน้ำมันไปด้วย

The Kids ได้เล่นเป็นวงเปิดให้นักดนตรีชื่อดังหลายคนที่มาทัวร์คอนเสิร์ตอยู่ที่ Miramar จนทำให้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาในเมืองนั้น จอห์นนี่และเพื่อนนักดนตรีของเขาจึงตัดสินใจเดินทางไป California และเมื่อไปถึงที่นั่นเขาก็เปลี่ยนชื่อวงเป็น Six Gun Method แต่ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะไม่เข้าข้างเขา ทำให้จอห์นนี่ต้องหารายได้เสริมโดยรับทำงานพิเศษไม่ว่าจะเป็นกรรมกร, พนักงานถ่ายเอกสาร, นักมวยสมัครเล่น และช่างซ่อมรถ

ในตอนที่จอห์นนี่ เดปป์เป็นมือกีต้าร์ให้กับวง The Kids เขาได้คบหาดูใจกับ Lori Anne Allison พี่สะใภ้ของ Bruce Witkin มือเบสและนักร้องนำของวง จนกระทั่งวันที่ 24 ธันวาคม 1983 ทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน จอห์นนี่ เดปป์ได้เปลี่ยนอาชีพหลักจากการเป็นนักดนตรีมาเป็นเซลล์แมนขายปากกาทางโทรศัพท์ ซึ่งเขาบอกว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ถือเป็น การแสดง สำหรับเขา เพราะเขาต้องเปลี่ยนเสียงไปเรื่อย ๆ ในการโทรศัพท์หาลูกค้าแต่ละคน

หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันได้เพียง 2 ปี ทั้งคู่ก็หย่าร้างกันในปี ค.ศ. 1985 แต่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่ ลอรี่เชื่อว่าจอห์นนี่ เดปป์มีพรสวรรค์ เธอจึงได้แนะนำเขาให้รู้จักกับนิโคลัส เคจ ผู้ที่กำลังมีผลงานการแสดงในเรื่อง Rumble Fish และเป็นผู้ที่ผลักดันให้จอห์นนี่ เดปป์เข้าสู่วงการบันเทิง

นิโคลัส เคจ ได้พาจอห์นนี่ไปทำความรู้จักกับ Tracey Jacobs ซึ่งเป็นเอเย่นส์ที่เขารู้จัก เมื่อเทรซี่เห็นจอห์นนีเป็นครั้งแรก เธอก็เกิดความเอ็นดูเขาทันที ประจวบเหมาะกับที่ผู้กำกับอย่าง Wes Craven กำลังจะถ่ายทำหนังเรื่องใหม่โดยที่กำลังแคสติ้งนักแสดงนำ เทรซี่จึงได้ชักชวนจอห์นนี่ให้ลองไปแคสบทนำ ทั้ง ๆ ที่บุคลิกของเขาในตอนนั้นไม่ได้ตรงกับตัวละครเลย แต่โชคเข้าข้างเขาเมื่อลูกสาวของ Wes Craven และเพื่อน ๆ ของเธอ ต่างถูกใจในตัวเขา ทำให้เขาได้รับบทนำในหนังสยองขวัญปี 1984 เรื่อง A Nightmare on Elm Street และถือเป็นหนังเรื่องแรกของจอห์นนี่ เดปป์

จากนั้นจอห์นนี่ก็ได้รับบทเล็ก ๆ ในหนังหลายเรื่อง จนกระทั่งเขาถูกอ้อนวอนให้รับบท Officer Tom Hanson นายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบที่ปลอมตัวเป็นนักเรียนไฮสคูลในซีรีส์เรื่อง 21 Jump Street (ออกอากาศในปี 1987 - 1991) ซึ่งทำให้เขาโด่งดังและเป็นขวัญใจวัยรุ่นในอเมริกาเพียงชั่วข้ามคืน

จอห์นนี่ตัดสินใจสลัดคราบขวัญใจวัยรุ่น โดยเลือกรับบทนำในเรื่อง Cry-Baby (ปี 1990) และในปีเดียวกันนั้นเขาก็ได้ร่วมงานกับ ทิม เบอร์ตัน ในเรื่อง Edward Scissorhands ซึ่งเป็นบทบาทที่ทำให้ชื่อเสียงของจอห์นนี เดปป์เริ่มโด่งดังมากขึ้นในต่างประเทศ หลังจากนั้นเขาก็รับบทในหนังเล็ก ๆ อีกหลายเรื่องซึ่งถึงแม้จะไม่ใช่หนังทำเงิน แต่ก็ได้รับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ออกมาในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น Arizona Dream (ปี 1992) , Benny & Joon และ What's Eating Gilbert Grape (ปี 1993) ก่อนจะกลับมาร่วมงานกับ ทิม เบอร์ตัน อีกครั้งในเรื่อง Ed Wood (film) ในปี 1994 รวมถึงรับบทนำในเรื่อง Don Juan DeMarco อีกด้วย

ในปี 1995 เขาได้ร่วมงานกับ จิม จาร์มุช ผู้กำกับหนังอินดี้ ในหนังขาวดำเรื่อง Dead Man และได้รับบทนำในหนังอาชญากรรมระทึกขวัญเรื่อง Nick of Time ที่มีรายได้และคำวิจารณ์ออกมาไม่ดีนัก จอห์นนี่ไม่มีผลงานออกมาในปี 1996 ต่อมาในปี 1997 เขาก็ได้รับบทนำในเรื่อง Donnie Brasco ซึ่งสร้างจากเรื่องจริงของ FBI ที่ปลอมตัวไปอยู่ในแก๊งค์มาเฟียนานถึง 6 ปี ผลงานอีกเรื่องในปี 1997 ของจอห์นนี่คือเรื่อง The Brave ผลงานที่เขาร่วมเขียนบทกับพี่ชาย และกำกับภาพยนตร์ด้วยตัวเอง The Brave เป็นหนึ่งในหนังที่ถูกคัดเลือกให้ฉายในเทศกาลหนังเมืองคานส์ในปีนั้น แต่กลับได้รับกระแสตอบรับไม่ดีจากนักวิจารณ์ในอเมริกา ทำให้เขาตัดสินใจไม่นำหนังเรื่องนี้เข้าฉายในอเมริกา

ปี 1998 จอห์นนี่ เดปป์ได้รับบทบาทที่น่าสนใจอีกเรื่อง นั่นคือเรื่อง Fear and Loathing in Las Vegas (film) จากนิยายในชื่อเรื่องเดียวกันของนักเขียนชื่อดังอย่าง Hunter S. Thompson ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเขียนที่จอห์นนี่โปรดปรานมากที่สุด และในปี 1999 จอห์นนีก็รับบทนำในภาพยนตร์ถึง 3 เรื่องซึ่งเป็นหนังแนวสยองขวัญทั้งหมด คือ The Ninth Gate , The Astronaunt's Wife และการกลับมาร่วมงานกับทิม เบอร์ตัน อีกครั้งใน Sleepy Hollow

ปี 2000 มีภาพยนตร์ที่เขาแสดงออกฉาย 3 เรื่อง แต่แต่ละเรื่องก็เป็นแค่บทเล็ก ๆ เท่านั้น คือบทยิปซีใน The Man Who Cried , บทสาวประเภทสองใน Before Night Falls และนักแสดงสมทบใน Chocolat ซึ่งเป็นหนังที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในปีนั้นด้วย นอกจากนั้นเขายังเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์เรื่อง The Fast Show ในตอนที่มีชื่อว่า The Last Ever Fast Show ก่อนที่จะรับบทนำในหนังปี 2001 อีกสองเรื่อง Blow ซึ่งเป็นเรื่องจริงของพ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติ และอีกเรื่องคือ From Hell ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาชญากรชื่อดังอย่าง Jack the Ripper

จอห์นนี เดปป์ไม่มีผลงานออกมาในปี 2002 แต่ในปี 2003 กลับกลายเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตนักแสดงของเขาเมื่อจอห์นนี่ เดปป์ตัดสินใจรับบทกัปตันแจ็ก สแปร์โรว ในเรื่อง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl ซึ่งกลายเป็นบทบาทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิตการแสดงของเขา และทำให้เขาได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ในฐานะ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เป็นครั้งแรก รวมถึงยังเป็นหนังคนแสดงเรื่องแรกของค่ายดิสนีย์ที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์อีกด้วย

นอกจากเรื่อง Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl แล้ว จอห์นนี่ เดปป์ก็มีผลงานแอ็กชั่นอีกเรื่องในปี 2003 นั่นคือ Once Upon A Time in Mexico

ในปี 2004 จอห์นนี่ เดปป์มีผลงานสยองขวัญเรื่อง Secret Window และได้ให้เสียงตัวละครในการ์ตูนซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์เรื่อง King of the Hill ก่อนจะเป็นนักแสดงรับเชิญในหนังฝรั่งเศสเรื่อง Ils se mari?rent et eurent beaucoup d'enfants รวมถึงรับบทนำในเรื่อง Finding Neverland และ The Libertine และบทบาทใน Finding Neverland ก็ทำให้เขาได้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งที่ 2 อีกด้วย

ในปี 2005 จอห์นนี่กลับมาร่วมงานกับทิม เบอร์ตันอีกครั้ง ในภาพยนตร์เรื่อง Charlie and the Chocolate Factory ซึ่งถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพการแสดง นอกจากนั้น เขาก็ยังได้ให้เสียงพากย์ในแอนิเมชั่นเรื่อง Corpse Bride ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่กำกับโดยทิม เบอร์ตันเช่นเดียวกัน

ปี 2006 และ 2007 จอห์นนี เดปป์กลับมารับบทกัปตันแจ็ก สแปร์โรว อีกครั้งในภาพยนตร์ภาคต่อของ Pirates of the Caribbean: The Curse of the Black Pearl โดยภาค 2 ที่ออกฉายในปี 2006 ใช้ชื่อว่า Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของจอห์นนี่ที่ทำรายได้ถึงพันล้านเหรียญทั่วโลกและภาคที่ออกฉายในปี 2007 ใช้ชื่อภาคว่า Pirates of the Caribbean: At World's End และในปี 2007 เขาก็กลับไปร่วมงานกับทิม เบอร์ตันเป็นครั้งที่ 6 ในภาพยนตร์เพลงเรื่อง Sweeney Todd: The Demon Barber of Fleet Street ซึ่งทำให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม สาขาภาพยนตร์เพลงหรือตลกได้เป็นครั้งแรก

จอห์นนี เดปป์เว้นวรรคการแสดงไปหนึ่งปี ต่อมาในปี 2009 เขาได้ให้เสียงพากย์ในแอนิเมชั่นชื่อดังที่ฉายทางโทรทัศน์อย่าง SpongeBob SquarePants ในตอนพิเศษที่ใช้ชื่อตอนว่า SpongeBob SquarePants vs. The Big One ก่อนที่จะเป็นนักแสดงรับเชิญในภาพยนตร์เรื่อง The Imaginarium of Doctor Parnassus แทนที่ฮีธ เลดเจอร์ที่เสียชีวิตในขณะที่ภาพยนตร์ยังถ่ายทำไม่เสร็จ และในปีเดียวกันนั้นจอห์นนีก็ได้รับบทนำในภาพยนตร์แนวอาชญากรรมที่สร้างจากเรื่องจริงอย่าง Public Enemies อีกด้วย

ปี 2010 จอห์นนี เดปป์รับบทนำในภาพยนตร์เรื่อง Alice in Wonderland ซึ่งถือเป็นการร่วมงานกับทิม เบอร์ตันเป็นครั้งที่ 7 ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จในแง่ของรายได้อย่างสูงและทำรายได้กว่าพันล้านเหรียญทั่วโลก ในปีเดียวกันนั้นจอห์นนีก็ได้แสดงในหนังแอ็กชั่นเรื่อง The Tourist ซึ่งทำให้ในปีนั้นเขาได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เพลงหรือตลกจาก 2 บทบาทคือบท Mad Hatter จาก Alice in Wonderland และบท Frank Tupelo จาก The Tourist

จอห์นนี่ เดปป์ได้ให้เสียงพากย์ในภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ออกฉายปี 2011 เรื่อง Rango ซึ่งเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ได้รางวัลออสการ์ในสาขาแอนิเมชั่นยอดเยี่ยม และเขายังกลับมารับบทกัปตันแจ็ก สแปร์โร่ว อีกครั้งในภาพยนตร์เรื่อง Pirates of the Caribbean: On Stranger Tides ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องที่สามของจอห์นนี เดปป์ที่ทำรายได้มากกว่าพันล้านเหรียญทั่วโลก และทำให้ในตอนนี้เขายังคงเป็นนักแสดงเพียงคนแรกและคนเดียวที่มีภาพยนตร์ที่แสดงนำทำรายได้ถึงพันล้านเหรียญมากที่สุดในโลก และจอห์นนีก็มีภาพยนตร์อีกเรื่องของเขาที่ออกฉายในปี 2011 ถึงแม้จะถ่ายทำมาตั้งแต่ปี 2009 ก็คือ The Rum Diary ซึ่งเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่สร้างมาจากนิยายของHunter S. Thompson นอกจากนั้นเขายังเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรีส์เรื่อง Life's Too Short อีกด้วย

ปี 2012 จอห์นนี เดปป์ได้กลับไปรับบทเป็น Tom Hanson ในภาพยนตร์เรื่อง 21 Jump Street ซึ่งดัดแปลงมาจากซีรีส์ที่เขาเคยแสดงนำไว้เมื่อนานมาแล้ว ก่อนที่จะกลับไปร่วมงานกับทิม เบอร์ตันเป็นครั้งที่ 8 ในภาพยนตร์เรื่อง Dark Shadows และเขาได้ให้เสียงพากย์เป็นตัวละครชื่อ Edward Scissorhands ในแอนิเมชั่นทางโทรทัศน์เรื่อง Family Guy ซึ่งมีคาแร็กเตอร์ตรงกับตัวละครที่เขาเคยแสดงเอาไว้ในภาพยนตร์ปี 1990

ปี 2013 มีภาพยนตร์ของจอห์นนี เดปป์ออกฉายเพียงสองเรื่องคือ The Lone Ranger ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งทางรายได้และคำวิจารณ์ และเรื่อง Lucky Them หนังอินดี้ซึ่งเขาเป็นนักแสดงรับเชิญโดยที่ไม่คิดค่าตัวในการแสดง

ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดในปี 2014 ของจอห์นนี เดปป์คือภาพยนตร์แนวปรัชญา-ไซไฟเรื่อง Transcendence ที่ถือเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องของเขาที่ไม่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของรายได้และคำวิจารณ์ ส่วนผลงานอื่น ๆ ที่มีคิวเข้าฉายในปี 2014 ก็คือเรื่อง Tusk และ London Fields ที่เขาเป็นนักแสดงรับเชิญ และภาพยนตร์เพลงแนวแฟนตาซีผจญภัยฟอร์มยักษ์จากดิสนีย์ซึ่งเขารับบทเป็นหมาป่าในตอนของหนูน้อยหมวกแดงอย่างเรื่อง Into the Woods

ภาพยนตร์ที่เข้าฉายในปี 2015 ของเขาคือเรื่อง Mortdecai และภาพยนตร์อีกเรื่องที่จะเข้าฉายในเดือนกันยายน 2015 คือภาพยนตร์อาชญากรรมที่สร้างจากเรื่องจริงของ Whitey Bulger เรื่อง Black Mass

และภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายในปี 2017 คือเรื่อง Pirates of the Caribbean: Dead Men Tell No Tales ซึ่งกำลังถ่ายทำที่ออสเตรเลีย จอห์นนีได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่านี่อาจจะเป็นการรับบทบาทเป็นกัปตันแจ็ก สแปร์โร่วเป็นครั้งสุดท้ายของเขา

ส่วนผลงานอื่น ๆ ของเขานอกจากในด้านภาพยนตร์และดนตรีแล้ว จอห์นนี่ก็ได้เซ็นสัญญาเป็น Brand Ambassador คนใหม่ให้กับ Parfums Christian Dior ที่จะเปิดตัวในเดือนกันยายน 2015 อีกด้วย

เมื่อจอห์นนี่ เดปป์อายุ 12 แม่ของเขาได้ซื้อกีต้าร์มือสองมาให้เขาในราคา 25 เหรียญ จอห์นนี่ได้ขโมยหนังสือคอร์ดกีต้าร์มาจากร้านและเรียนรู้การเล่นดนตรีด้วยตัวเอง หลังจากนั้นเขาก็ได้ร่วมเล่นในวงดนตรีในฟลอริด้าอีกหลายวง ได้แก่ วง Flame, Zaphyre, Bitch, Bad Boys ในตอนนั้นความใฝ่ฝันของเขาคือการได้เป็นมือกีต้าร์ในวงดนตรีชื่อดังของฟลอริด้าอย่างวง The Kids และในปลายทศวรรษ 1980's ความใฝ่ฝันของเขาก็เป็นจริง

The Kids ค่อนข้างประสบความสำเร็จในฟลอริด้า พวกเขาได้เล่นเป็นวงเปิดให้วงดนตรีดัง ๆ ไม่ว่าจะเป็น The Pretenders, The B-52s, Talking Heads and Iggy Pop, Chuck Berry ในเดือนธันวาคมปี 1983 The Kids ได้เดินทางเข้าสู่ลอสแอนเจลิสด้วยความหวังที่ว่าโชคจะเข้าข้างพวกเขาและจะทำให้พวกเขาโด่งดังมากขึ้น และได้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Six Gun Method แต่ในลอสแอนเจลิสนั้นมีการแข่งขันสูงกว่าที่พวกเขาคาดคิดไว้มากทำให้สมาชิกในวงเริ่มขาดรายได้ จนกระทั่งจอห์นนี่ได้ถูกนิโคลัส เคจชักชวนให้เข้าวงการบันเทิงเพื่อหารายได้เสริม

ถึงแม้ว่าหลังจากนั้นจอห์นนี เดปป์จะได้แสดงในหนังและซีรีส์ทางทีวีหลายเรื่อง แต่เขาก็ยังคงมองว่านักดนตรีคืออาชีพหลักของเขาและยังคงใฝ่ฝันจะเป็นร็อคสตาร์อยู่ จนกระทั่งปี 1986 หลังจากที่กลับมาจากประเทศฟิลิปปินส์จากการเดินทางไปถ่ายทำเรื่อง Platoon เขาก็ได้เป็นมือกีต้าร์ริทึ่มของวง Rock City Angels ซึ่งเป็นวงที่มีสมาชิกหลายคนมาจากฟลอริด้าร์เช่นเดียวกัน แต่เขาก็อยู่ในวงนี้ได้เพียงแค่ 8 เดือน ก่อนที่จะถูกบังคับให้ลาออกจากวงเพราะต้องรับบทนำในซีรีส์เรื่อง 21 Jump Street ในตอนแรกจอห์นนีได้ปฏิเสธบทนี้ไป แต่หลังจากถูกทีมงานโทรศัพท์มาเพื่อชักชวนหลาย ๆ ครั้ง เขาก็ต้องยินยอมรับบทนี้ในที่สุด ซึ่งในขณะเดียวกัน วง Rock City Angels ที่เขาเพิ่งลาออกก็ได้เซ็นสัญญากับค่ายเพลงยักษ์ใหญ่

หลังจากนั้นหลายปี ในขณะที่จอห์นนีกำลังถ่ายทำเรื่อง What’s Eating Gilbert Grape อยู่ใกล้ ๆ เมืองออสติน รัฐเทกซัส เขาและเพื่อนในวัยเด็กของเขาอย่าง Sal Jenco ก็ได้ทำความรู้จักกับGibby Haynes นักร้องนำของวง Butthole Surfers และได้ทำความรู้จักกับศิลปินชาวเท็กซัสอย่าง Bill Carter ในตอนแรกพวกเขาได้ร่วมเล่นดนตรีด้วยกันเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้ฟอร์มวงร่วมกัน และตั้งชื่อว่าวง P และในปีนั้น เมื่องานเทศกาลดนตรีประจำออสตินอย่างงาน South By Southwest มาถึง ผู้จัดงานก็ได้เชิญวง Butthole Surfers มาร่วมแสดงด้วย แต่กิ๊บบี้ขอร้องให้ผู้จัดเชิญวงดนตรีวงใหม่ของเขามาแสดงแทน และนั่นคือการแสดงสดและการเปิดตัวครั้งแรกของ P ซึ่งตรงกับวันที่ 17 มีนาคม 1993 หลังจากนั้นวงของพวกเขาก็ได้แสดงอยู่ในผับThe Viper Room ที่จอห์นนีเป็นเจ้าของ และในไปแสดงในเวียนนาสองครั้งในปี 1997 อัลบั้มแรกของพวกเขาวางแผงในเดือนพฤศจิกายนปี 1995 ซึ่งมีซิงเกิลแรกคือเพลง Michael Stipe ในปี 2000 จอห์นนี่ยังคงพูดถึงความเป็นไปได้ที่สมาชิกในวงจะกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกัน จอห์นนีก็กลับไปเล่นดนตรีกับวง The Kids อยู่บ่อยครั้ง รวมถึงยังเคยร่วมแสดงกับวงนี้ในคอนเสิร์ตการกุศลที่ใช้ชื่อว่า Sheila Witkin Memorial Reunion Concerts ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 28 มกราคม 2007 และวันที่ 29 - 30 สิงหาคม 2008 ในฟลอริด้าร์อีกด้วย

หลายปีที่ผ่านมา จอห์นนีได้ร่วมงานในอัลบั้มที่มีการจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้กับศิลปินหลายคนไม่ว่าจะเป็น Shane MacGowan, Oasis, Iggy Pop, Vanessa Paradis, Glenn Tilbrook, Babybird, Marilyn Manson, Patti Smith และ Aerosmith

จอห์นนีได้เล่นดนตรีให้กับเพลงประกอบภาพยนตร์ที่เขาแสดงอย่าง Chocolat, Once Upon a Time in Mexico และ The Rum Diary และเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับอัลบั้ม Rogue’s Gallery: Pirate Ballads, Sea Songs and Chanteys และอัลบั้มเพลงประกอบสารคดีเรื่อง Gonzo อีกด้วย นอกจากนั้นจอห์นนี่ยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับ Shane MacGowan ในปี 2010 เขารับตำแหน่งกีต้าร์โซโล่ในเพลง I Put a Spell on You ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่วางขายเพื่อนำรายได้ไปช่วยเหลือเหตุการณ์แผ่นดินไหวในเฮติ และทั้งคู่ยังได้ร่วมงานกันอีกครั้งในปี 2013 ในเพลง Leaving of Liverpool จากอัลบั้ม the Son of Rogue's Gallery

ในปี 2007 จอห์นนีได้รับบทนำในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีเรื่อง Sweeney Todd: The Demon Barber Of Fleet Street ซึ่งในเรื่องนี้เขาต้องร้องเพลงในภาพยนตร์ด้วยตัวเองถึงแม้เขาจะไม่เคยร้องเพลงอย่างจริงจังหรือเข้าคอร์สเรียนร้องเพลงเลยก็ตาม

จอห์นนีมีบริษัทหนังของตัวเองโดยเขาได้เริ่มก่อตั้งในปี 2004 และตั้งชื่อว่า Infinitum Nihil และในปี 2011 ทางบริษัทของเขาก็ได้ขยายเป็นบริษัทที่ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมเพลงด้วย และในปี 2013 Infinitum Nihil ก็ได้ร่วมงานกับบริษัทอื่นผลิตอัลบั้มออกมาวางขายชื่อว่า Tonto's Giant Nuts โดยมีเครดิตบริษัทของเขาในเพลง Little Lion Man และในแทร็กที่มีชื่อว่า Damien Echols Death Row Letter Year 16 1/2

นอกจากนี้ จอห์นนี่ยังได้ฟอร์มวงใหม่โดยใช้ชื่อว่า Hollywood Vampires กับ Alice Cooper และ Joe Perry โดย Alice Cooper นอกจากนี้ยังได้ Paul McCartney, Zak Starkey, และ Brian Johnson มาร่วมแจมอีกด้วย โดย Hollywood Vampires จะทำการแสดงสดครั้งแรกที่เทศกาล Rock in Rio

การแต่งงานครั้งแรกของจอห์นนี เดปป์เกิดขึ้นในวันที่ 24 ธันวาคม 1983 กับ Lori Anne Allison ซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าและเป็นคนที่แนะนำจอห์นนีให้รู้จักกับนิโคลัส เคจผู้ชักนำจอห์นนีเข้าสู่วงการบันเทิง จอห์นนีและลอรี่หย่าร้างกันไปในปี 1986 ต่อมาในปีเดียวกันนั้น จอห์นนีได้เริ่มต้นความสัมพันธ์กับSherilyn Fenn ซึ่งเป็นนักแสดงและได้ร่วมงานกับเขาในซีรีส์เรื่อง 21 Jump Street ด้วย ทั้งคู่เลิกลากันไปในปี 1988 จากนั้นจอห์นนีก็คบกับ Jennifer Grey และเคยมีข่าวลือว่าทั้งคู่หมั้นกันแต่ทั้งสองก็เลิกลากันไปในเวลาสั้น ๆ

หนึ่งในความสัมพันธ์ที่โด่งดังมากที่สุดของจอห์นนี เดปป์นั่นคือช่วงที่เขาคบกับวิโนนา ไรเดอร์ ในปี 1990 จอห์นนีได้เจอวิโนน่าครั้งแรกในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง Great Balls of Fire ในปี 1989 และประทับใจเธอตั้งแต่แรกเห็น จนต่อมาทั้งคู่ได้นั่งทานดินเนอร์ที่โต๊ะเดียวกันในงานปาร์ตี้ซึ่งมีเจ้าภาพเป็นพ่อทูนหัวของวิโนน่า และทั้งคู่ก็ได้คบหาดูใจกันจนกระทั่งจอห์นนีได้ขอหมั้นเธอและถึงกับสักต้นแขนของเขาด้วยคำว่า Winona Forever แต่ทั้งคู่ก็ยุติความสัมพันธ์ลงในปี 1993 หลังจากนั้นจอห์นนีก็ลบรอยสักให้เหลือเพียงคำว่า Wino Forever การเลิกลากันครั้งนี้ทำให้จอห์นนีเสียใจอย่างมาก เขาดื่มหนักและไม่ยอมพักผ่อนจนเกิดภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จากเหตุการณ์นั้นทำให้เขาฉุดตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง และได้มาเจอกับเคต มอส ซุปเปอร์โมเดลชื่อดังในปี 1994 จนกระทั่งในปี 1998 ทั้งคู่ก็เลิกลากันโดยที่จอห์นนีได้ให้เหตุผลว่าความต้องการของทั้งคู่ไม่ตรงกัน และบอกว่าเขายังดีไม่พอสำหรับเธอ เพราะฉะนั้นแล้วการเลิกลากันก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ทั้งคู่จะทำได้

หลังจากเลิกลากับเคต มอสไปในปี 1998 จอห์นนีก็เดินทางมาถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Ninth Gate ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ที่นั่นเขาได้เจอกับVanessa Paradis นักร้องนักแสดงสาวชาวฝรั่งเศส ทั้งคู่มีบุตรธิดาร่วมกัน 2 คนคือ

จอห์นนีและวาเนสซ่าไม่ได้แต่งงานหรือจดทะเบียนสมรสกัน โดยที่เขาให้เหตุผลว่าชื่อของวาเนสซ่า ปาราดีส์นั้นเพราะดีอยู่แล้ว ถ้าหากจะต้องเปลี่ยนมาใช้ชื่อว่าวาเนสซ่า เดปป์คงจะดูไม่ดีซักเท่าไหร่แต่ถ้าหากว่าวาเนสซ่าอยากจะแต่งงานเขาก็พร้อมที่จะเป็นฝ่ายขอเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลา 14 ปี ในปลายปี 2011 มีข่าวลือว่าทั้งคู่เลิกลากันแต่พวกเขาก็ปฏิเสธมาโดยตลอด จนกระทั่งวันที่ 18 มิถุนายน 2012 โฆษกส่วนตัวของจอห์นนี เดปป์ก็ได้ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ E! Online อย่างเป็นทางการว่าทั้งคู่ได้เลิกลากันด้วยความเข้าใจและยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

ในช่วงนั้นได้มีข่าวลือออกมาอีกว่าจอห์นนี เดปป์กำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์กับAmber Heard นางเอกสาวที่เคยร่วมงานกับเขาในภาพยนตร์เรื่อง The Rum Diary ในปี 2009 และมีภาพทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกันหลายต่อหลายครั้งแต่ทั้งสองก็ไม่เคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ จนกระทั่งวันที่ 11 มกราคม 2014 จอห์นนีและแอมเบอร์เปิดตัวว่าทั้งสองเป็นคู่รักกันอย่างเป็นทางการในงาน The Art of Elysium's 7th Annual Heaven Gala

จอห์นนี เดปป์ได้ขอหมั้นแอมเบอร์ เฮิร์ดได้คืนคริสมาสต์อีฟ ปี 2013 แต่เขายืนยันด้วยตัวเองในเดือนเมษายน 2014 ในช่วงที่โปรโมท Transcendence ภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำ และเขายังให้สัมภาษณ์ด้วยว่าแอมเบอร์เข้ากับลูก ๆ ของเขาได้ดีและคือคนที่ทำให้เขาอยากจะแต่งงานอีกครั้ง ถึงแม้ทั้งคู่จะอายุห่างกันถึง 23 ปี หลังจากหมั้นกันมากว่า 1 ปี จอห์นนี่และแอมเบอร์ก็ได้แต่งงานกันอย่างลับ ๆ ในบ้านของทั้งสองที่ลอสแอนเจลิสในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2015 และได้จัดพิธีวิวาห์เล็ก ๆ ที่มีเพียงครอบครัวและเพื่อนสนิทของทั้งคู่ที่ถูกเชิญมาร่วมงานบนเกาะ Little Hall's Pond Cay เกาะส่วนตัวของจอห์นนี่ในบาฮามาสในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2015 โดยมี แจ็ก ลูกชายของจอห์นนี่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าว และ วิทนีย์ น้องสาวของแอมเบอร์เป็นเพื่อนเจ้าสาว

จอห์นนี เดปป์ได้เข้าพิธีเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของชาวอินเดียนแดงเผ่าโคมันชี่ และถือว่าเป็นลูกบุญธรรมของ LaDonna Harris หัวหน้าเผ่าโคมันชีในวันที่ 22 พฤษภาคม 2012 โดยเขาถูกเชิญชวนจาก LaDonna หลังจากที่เธอรู้ว่าเขาจะรับบท Tonto ชาวอินเดียนแดงในภาพยนตร์ปี 2013 เรื่อง The Lone Ranger พิธีนี้จัดขึ้นในบ้านของ LaDonna และ Johnny Wauqua ประธานของชนเผ่าโคมันชีก็ได้รับเชิญไปร่วมงานด้วย นอกจากนั้นเขายังได้รับเชิญไปงาน Comanche Nation Fair ในปี 2012 ซึ่งเป็นงานเทศกาลเฉลิมฉลองประจำปีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชาวอินเดียนแดงและในปี 2013 เขาก็ได้จัดให้มีการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง The Lone Ranger ใน Oklahoma เป็นแห่งแรก และเป็นวันเดียวกันกับเทศกาล Comanche Nation Fair ในปีนั้นเพื่อเป็นการให้เกียรติชาวอินเดียนแดงที่ถูกนำไปอ้างอิงในภาพยนตร์ย รวมถึงในงานเปิดตัวรอบ world premiere ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทางผู้จัดก็ได้บริจาครายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้างานส่วนหนึ่งให้กับมูลนิธิของชาวอินเดียนแดงอีกด้วย

จอห์นนี เดปป์มีเพื่อนสนิทในวงการอยู่หลายคน โดยส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักแสดงในยุคเก่า ด้วยความที่เขาชื่นชอบภาพยนตร์ยุคเก่าเป็นทุนเดิม ทำให้เขาเข้ากับนักแสดงในยุคนั้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็น มาร์ลอน แบรนโด, อัล ปาชิโน หรือ เฟย์ ดันนาเวย์ โดยเฉพาะมาร์ลอน แบรนโด จอห์นนีได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขานับถือมาร์ลอนเป็นทั้งพ่อ ครูและเพื่อนในคนคนเดียวกัน แต่หากจะพูดถึงเพื่อนสนิทของจอห์นนีในวงการภาพยนตร์นั้น ก็คงจะขาด ทิม เบอร์ตัน และ เฮเลน่า บอนแฮม คาร์เตอร์ ไปไม่ได้ เนื่องจากทั้งสามคนได้ร่วมงานกันในภาพยนตร์หลายเรื่องทำให้เกิดความสนิทสนมกันจนกระทั่งทิม เบอร์ตันและเฮเลน่าได้ยกให้จอห์นนี เดปป์เป็นพ่อทูนหัวของลูกชายคนแรกของพวกเขา

จอห์นนียังมีเพื่อนสนิทในวงการเพลงอยู่หลายคน เช่น มาริลีน แมนสัน, อลิซ คูเปอร์, คีธ ริชาร์ดส์, พอล แม็กคาร์ตนีย์ และสมาชิกในวง แอโรสมิธ เป็นต้น นอกจากในวงการภาพยนตร์และเพลงแล้ว เพื่อนสนิทอีกคนของเขาก็คือ Hunter S. Thompson ซึ่งเป็นนักเขียนชื่อดังที่มีภูมิลำเนาอยู่ในรัฐเคนทักกี้เช่นเดียวกันกับเขาด้วย

ปี 1994 จอห์นนี เดปป์ถูกจับในข้อหาทำลายข้าวของในโรงแรม Mark ในนิวยอร์ก โดยในตอนนั้น Roger Daltrey นักร้องนำวง Who คือคนที่เข้าพักอยู่ในห้องข้าง ๆ ห้องพักของจอห์นนี โรเจอร์ได้โทรเรียกตำรวจเพราะได้ยินเสียงดังมาจากในห้องพักของจอห์นนี และเมื่อตำรวจมาถึงก็พบว่าข้าวของบางส่วนในห้องพักถูกทำลาย เขาถูกปรับเป็นเงินราว ๆ 1200 เหรียญและจำคุกเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะถูกปล่อยตัวออกไป

ปี 1999 จอห์นนี เดปป์ถูกจับในข้อหาทำร้ายร่างกายปาปารัซซี่ หลังจากที่เขาทานข้าวกับวาเนสซ่า ปาราดีส์ซึ่งเป็นคนรักของเขาในขณะนั้น ทั้งคู่ก็ได้ออกมาจากร้านอาหาร โดยที่ในตอนนั้นปาราดีส์กำลังตั้งท้องได้หลายเดือน จอห์นนีจึงกลัวเธอได้รับอันตรายและได้ขอร้องให้ปาปารัซซีอยู่ให้ห่างจากปาราดีส์ แต่มีปาปารัซซีคนหนึ่งได้เดินตามปาราดีส์ไปถึงรถและพยายามฉุดเธอออกมา จอห์นนีจึงได้คว้าท่อนไม้ใกล้ตัวและฟาดไปที่แขนของปาปารัซซี่คนนั้นทำให้เขาถูกจับในที่สุด

ปี 2012 เขาถูกฟ้องจาก Robin Eckert ในข้อหาโดนการ์ดของจอห์นนีทำร้ายร่างกายในคอนเสิร์ตที่ลอสแอนเจลิสโดยที่เขายืนดูอยู่เฉย ๆ และไม่ได้เข้าไปห้ามการ์ดของตัวเอง จากการสืบพยานทำให้ทราบว่าโรบินมีพฤติกรรมคล้ายคนเสียสติและดูเหมือนจงใจก่อความวุ่นวายให้กับจอห์นนี จนกระทั่งการ์ดของผู้จัดงานคอนเสิร์ตได้เข้ามาดึงตัวเธอออกไป คดีนี้ยืดเยื้อมาจนกระทั่งเดือนตุลาคม ปี 2012 ศาลจึงตัดสินให้โรบินสามารถเรียกค่าเสียหายจากจอห์นนีได้เพื่อแสดงความยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย และปิดคดีลงในวันที่ 12 สิงหาคม 2013

ปี 2014 จอห์นนีโดนหมายศาลในคดีแปลก ๆ เพราะทนายความอยากให้เขาช่วยไปเป็นพยานว่าลูกความของเขามีความผิดปกติทางจิต เนื่องจาก Nancy Lekon ลูกความของทนายความคนนั้น กำลังขับรถลีมูซีนของตัวเองอยู่ที่ย่านดาวน์ทาวน์ใน LA ในปี 2009 จู่ ๆ เธอก็ขับขึ้นไปบนทางเท้าทั้ง ๆ ที่มีคนเดินอยู่ ก่อนที่ร่างของเหยื่อจะถูกลากติดกับรถไปหลายไมล์และเสียชีวิตในที่สุด Lekon ถูกตั้งข้อหาในคดีฆาตกรรม และคดีของเธอจะถูกตัดสินในเมษายน 2014 ในตอนที่โดนตำรวจจับ เธอได้อ้างตัวว่าเธอคือแฟนสาวของจอห์นนี เดปป์และกำลังจะไปหาเขาเพราะได้นัดกันไว้ ตำรวจและทนายจึงได้ขอให้จอห์นนีช่วยเป็นพยานว่าเธอเสียสติ แต่ในที่สุดทุก ๆ ฝ่ายที่มีส่วนร่วมในคดีนี้ก็ได้ลงความเห็นว่าเธอมีความผิดปกติทางจิต ทำให้เขาไม่ต้องเป็นพยานในคดีนี้ในที่สุด

จอห์นนีประกาศตัวว่าเขาไม่มีศาสนาถึงแม้ครอบครัวของเขาจะเป็นคาทอลิคก็ตาม โดยเขาให้เหตุผลว่าเขาไม่มีศาสนาแต่สนใจในทุกศาสนา เขาเชื่อว่าขนบธรรมเนียมทั้งเก่าและใหม่นั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสีย และเราควรจะนำข้อดีของทั้งสองอย่างมาปรับใช้ในชีวิตมากกว่าที่จะยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือต้องเข่นฆ่ากันเพราะเห็นต่างในด้านศาสนา เขาเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลหรืออไญยนิยม

ในวันที่ 16 ตุลาคม 2011 รายการLarry King Liveได้ไปสัมภาษณ์เขาที่ออฟฟิศและถามถึงเรื่องความเชื่อหรือสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจของเขา จอห์นนีได้ให้คำตอบว่า เขาเชื่อมั่นในลูก ๆ ของเขา และเชื่อมั่นในเรื่องของความมุ่งมั่นตั้งใจทำสิ่งต่าง ๆ ถึงแม้จะมีอุปสรรค แต่เขาไม่มีความเชื่อในด้านศาสนา

ปัจจุบันจอห์นนี เดปป์มีรอยสักทั้งหมด 32 รอย โดยรอยสักที่สำคัญ ๆ คือรอยสักคำว่า Lily-Rose ซึ่งเป็นชื่อลูกสาวของเขาบนหน้าอกซ้าย รอยสักคำว่า Jack และรูปนกกระจอกบนข้อมือขวาซึ่งคล้ายคลึงกับรอยสักของกัปตันแจ็ก สแปร์โร่วแต่เขาสักให้ลูกชายของเขาซึ่งมีชื่อเดียวกันกับตัวละครตัวนี้ รอยสักหัวใจสามดวงที่ต้นแขนซ้าย ซึ่งเขาหมายถึงวาเนสซ่าและลูก ๆ และถึงแม้ในตอนนี้เขาจะเลิกลากับวาเนสซ่าไปแล้วแต่จอห์นนีก็ยังไม่ได้ลบรอยสักนี้ออก รอยสักคำว่า Betty Sue บนรูปหัวใจซึ่งเป็นชื่อแม่ของเขาบนต้นแขนขวา และรอยสักรูปแม่ของเขาในตอนที่เป็นบริกรหญิงอยู่ที่แขนซ้าย และรอยสักรูปตาของเขาในชุดชาวประมงอยู่ที่แขนขวา นอกจากนี้จอห์นนี เดปป์ยังมีรอยสัก matching tattoo กับมาริลีน แมนสันที่หลังอีกด้วย

ในปี 1993 จอห์นนี เดปป์เคยเปิดไนท์คลับในชื่อ The Viper Room บน Sunset Strip เพื่อเป็นแหล่งสังสรรค์ของบรรดาเพื่อนฝูงของเขาไม่ว่าจะเป็น Jennifer Aniston, Lisa Marie Presley, Jared Leto, Christina Applegate, Angelina Jolie, Rosario Dawson, Tobey Maguire และ Leonardo DiCaprio ก็เคยมาสังสรรค์กันที่นี่ ในวันแรกที่จอห์นนีเปิดคลับ เขาได้บริจาครายได้ทั้งหมดให้กับมูลนิธิ Starlight Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิช่วยเหลือเด็กที่ป่วยในระยะสุดท้าย และโดยส่วนใหญ่แล้ว จอห์นนีมักจะเชิญนักดนตรียุคเก่ามาแสดงในคลับของเขาด้วย

ในคืนวันฮาโลวีนปี 1993 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้น เมื่อริเวอร์ ฟินิกซ์ นักแสดงดาวรุ่งได้มาสังสรรค์ที่คลับและเสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าคลับด้วยวัยเพียง 23 ปี จอห์นนีได้ทำการปิดคลับเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้กับการเสียชีวิตของเขาเป็นเวลาสองสัปดาห์ต่อจากนั้น และตั้งแต่นั้นมา The Viper Room จะปิดในทุก ๆ วันที่ครบรอบการจากไปของริเวอร์ จอห์นนี เดปป์เป็นเจ้าของคลับนี้อยู่หลายปี จนกระทั่งในปี 2001 หุ้นส่วนของเขาที่ชื่อว่า Anthony Fox ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ และในที่สุดจอห์นนี่ก็ตัดสินใจปล่อยทิ้งคลับให้ร้างไปในปี 2004 และได้ขายหุ้นที่เหลือให้กับ Amanda ลูกสาวของฟ็อกซ์ ก่อนที่คลับจะถูกซื้อโดย Darin Feinstein ในเวลาต่อมา

แมน เรย์คือร้านอาหารที่ตกแต่งและขายอาหารแนวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นโรงภาพยนตร์ และครั้งหนึ่งจอห์นนีก็เคยเป็นหุ้นส่วนในร้านนี้ร่วมกับ Sean Penn, John Malkovich และ Mick Hucknall Man Ray ตั้งอยู่บนถนน 34 Rue Marbeuf ใกล้ ๆ กับช็องเซลีเซ

ปี 2004 จอห์นนีได้ก่อตั้งบริษัท Infinitum Nihil ซึ่งเป็นบริษัทผลิตภาพยนตร์ จอห์นนีมีรายชื่อเป็นผู้ก่อตั้งและ CEO ของบริษัท ในขณะที่คริสตี้ พี่สาวของเขามีตำแหน่งเป็นประธานบริษัท

หนังเรื่องแรกที่บริษัทรับหน้าที่เป็นผู้ผลิตจริง ๆ คือเรื่อง The Rum Diary ที่ออกฉายในปี 2011 และในปีเดียวกันนั้นบริษัทก็ได้ร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่อง Hugo ต่อมาในปี 2012 บริษัทก็ได้ร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่อง Dark Shadows อีกด้วย

ในปี 2011 Infinitum Nihil ได้ครอบคลุมไปถึงอุตสาหกรรมเพลง และในปี 2012 จอห์นนี เดปป์ก็ได้ขยายบริษัทเป็นสำนักพิมพ์อีกด้วย


 

 

รับจำนำรถยนต์ รับจำนำรถจอด

เบอร์ลินตะวันออก ประเทศเยอรมนีตะวันออก ปฏิทินฮิบรู เจ้า โย่วถิง ดาบมังกรหยก สตรอเบอร์รี ไทยพาณิชย์ เคน ธีรเดช อุรัสยา เสปอร์บันด์ พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ ตะวันทอแสง รัก 7 ปี ดี 7 หน มอร์ มิวสิค วงทู อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป รุ่น 2 เธอกับฉัน เป๊ปซี่ น้ำอัดลม แยม ผ้าอ้อม ชัชชัย สุขขาวดี ประชากรศาสตร์สิงคโปร์ โนโลโก้ นายแบบ จารุจินต์ นภีตะภัฏ ยัน ฟัน เดอร์ไฮเดิน พระเจ้าอาฟงซูที่ 6 แห่งโปรตุเกส บังทันบอยส์ เฟย์ ฟาง แก้ว ธนันต์ธรญ์ นีระสิงห์ เอ็มมี รอสซัม หยาง มี่ ศรัณยู วินัยพานิช เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน เค็นอิชิ ซุซุมุระ พอล วอล์กเกอร์ แอนดรูว์ บิ๊กส์ ฮันส์ ซิมเมอร์ แบร์รี ไวต์ สตาญิสวัฟ แลม เดสมอนด์ เลเวลีน หลุยส์ที่ 4 แกรนด์ดยุคแห่งเฮสส์และไรน์ กีโยม เลอ ฌ็องตี ลอเรนโซที่ 2 เดอ เมดิชิ มาตราริกเตอร์ วงจรรวม แจ็ก คิลบี ซิมโฟนีหมายเลข 8 (มาห์เลอร์) เรอัลเบติส เฮนรี ฮัดสัน แคว้นอารากอง ตุ๊กกี้ ชิงร้อยชิงล้าน กันต์ กันตถาวร เอก ฮิมสกุล ปัญญา นิรันดร์กุล แฟนพันธุ์แท้ 2014 แฟนพันธุ์แท้ 2013 แฟนพันธุ์แท้ 2012 แฟนพันธุ์แท้ 2008 แฟนพันธุ์แท้ 2007 แฟนพันธุ์แท้ 2006 แฟนพันธุ์แท้ 2005 แฟนพันธุ์แท้ 2004 แฟนพันธุ์แท้ 2003 แฟนพันธุ์แท้ 2002 แฟนพันธุ์แท้ 2001 แฟนพันธุ์แท้ 2000 บัวชมพู ฟอร์ด ซาซ่า เดอะแบนด์ไทยแลนด์ แฟนพันธุ์แท้ปี 2015 แฟนพันธุ์แท้ปี 2014 แฟนพันธุ์แท้ปี 2013 แฟนพันธุ์แท้ปี 2012 ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ พรสวรรค์ บันดาลชีวิต บุปผาราตรี เฟส 2 โมเดิร์นไนน์ ทีวี บุปผาราตรี ไฟว์ไลฟ์ แฟนพันธุ์แท้ รางวัลนาฏราช นักจัดรายการวิทยุ สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 7 แบร์นาร์แห่งแกลร์โว กาอึน จิรายุทธ ผโลประการ อัลบาโร เนเกรโด ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ เอมี่ อดัมส์ ทรงยศ สุขมากอนันต์ ดอน คิง สมเด็จพระวันรัต (จ่าย ปุณฺณทตฺโต) สาธารณรัฐเอสโตเนีย สาธารณรัฐอาหรับซีเรีย เน็ตไอดอล เอะโระเก คอสเพลย์ เอวีไอดอล ช็อคโกบอล มุกะอิ

 

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
32
33
34
35
36
37
38
39
40
41
42
43
44
45
46
47
48
49
50
51
52
53
54
55
56
57
58
59
60
61
62
63
64
65
66
67
68
69
70
71
72
73
74
75
76
77
78
79
80
81
82
83
84
85
86
87
88
89
90
91
92
93
94
95
96
97
98
99
100
101
102
103
104
105
106
107
108
109
110
111
112
113
114
115
116
117
118
119
120
121
122
123
124
125
126
127
128
129
130
131
132
133
134
135
136
137
138
139
140
141
142
143
144
145
146
147
148
149
150
151
152
153
154
155
156
157
158
159
160
161
162
163
164
165
166
167
168
169
170
171
172
173
174
175
176
177
178
179
180
181
182
183
184
185
186
187
188
189
190
191
192
193
194
195
196
197
198
199
200
201
202
203
204
205
206
207
208
209
210
211
212
213
214
215
216
217
218
219
220
221
222
223
224
225
226
227
228
229
230
231
232
233
จำนำรถราชบุรี รถยนต์ เงินด่วน รับจำนำรถยนต์ จำนำรถยนต์ จำนำรถ 23301